บทความ: รับข้อมูลข่าวสารอย่างไรโดยไม่ตกเป็นทาสของสื่อต่างๆ



ปัจจุบันการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวเรานั้น สามารถรับได้หลากหลายช่องทางทั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว และข่าวที่เกิดขึ้นมานั้นก็มีทั้งผลดีและผลเสีย จึงต้องใช้สติและวิจารณญาณในการรับสื่อ


สื่อในสายตาประชาชน
 
        ปัจจุบันนี้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวเรานั้น สามารถรับได้หลากหลายช่องทางทั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว และข่าวที่เกิดขึ้นมานั้นก็มีทั้งผลดีและผลเสีย ฉะนั้นประชาชนที่จะเสพข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบันนี้ ต้องใช้สติและวิจารณญาณพอสมควร เพราะข่าวที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของหลายๆ คนเลย
 

คนที่มีสื่ออยู่ในมือ มักจะถืออำนาจมากกว่าในสังคมปัจจุบันตรงนี้มีความเห็นว่าอย่างไร?

 
        อันนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าเราสังเกตดูจะเห็นว่า ในยุคสังคมเกษตรกรรมอำนาจอยู่ที่กำลังกล้ามเนื้อ คือถ้าใครแข็งแรงจะมีอำนาจมาก พอมาถึงยุคอุตสาหกรรมอำนาจจะอยู่ที่เงิน กำลังอาวุธยังมีความสำคัญอยู่แต่ถ้าไม่มีเงินก็จะไม่มีอาวุธ เพราะในยุคอุตสาหกรรมจะต้องมีโรงงานการผลิต ซึ่งต้องใช้เงินทุนจึงจะสามารถสร้างการผลิตใช้ซื้ออาวุธได้และสร้างกองทัพได้ อำนาจทุนนั้นอยู่เหนือกำลังกล้ามเนื้อทั่วไป พอมาถึงยุคข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันทำให้คนมีช่องทางในการสื่อสารกันมากขึ้น อำนาจที่ผุดเด่นขึ้นมายิ่งกว่าอำนาจเงินคือ อำนาจความรู้ เพราะถ้าคนมีความรู้แล้วจะทำให้สามารถใช้ในการหาทรัพย์ได้ เพราะความรู้มันนำมาซึ่งทรัพย์และอำนาจ เป็นเพราะว่าในยุคข้อมูลข่าวสารนั้น ความคิดของคนๆ หนึ่ง สามารถสื่อสารไปสู่คนได้จำนวนมาก
 
        ถ้าเป็นสมัยก่อนซึ่งไม่มีไมโครโฟน ไม่มีหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี อินเตอร์เน็ต คนที่เก่งๆ มีความรู้ก็ใช้วิธีนั่งสอนคนอื่นให้รู้ตาม ซึ่งก็ใช้เวลานานและสอนได้น้อยคน เพราะช่องทางในการสื่อสารสู่สายตาประชาชนมันมีจำกัด แต่ในยุคปัจจุบันช่องทางการสื่อสารยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ คนที่เป็นต้นแหล่งของการให้ข้อมูลก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจุบันการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวเรานั้นสามารถรับได้หลากหลายช่องทาง
ปัจจุบันการรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวเรานั้นสามารถรับได้หลากหลายช่องทาง
 
        คนบางคนเป็นประชาชนคนธรรมดา แต่มีน้ำหนักการพูดยิ่งกว่าผู้นำประเทศอีก เพราะพูดแล้วคนฟัง เนื่องจากเขาสั่งสมเครดิตจากการให้ข้อมูลที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ ทำให้คนที่เป็นเจ้าของสื่อมีความสำคัญ ถ้าเป็นยุคข้อมูลข่าวสารในยุคต้นๆ สื่อหลักก็จะมีแค่วิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ ที่เราคุ้นเคยกันมานาน เจ้าของสื่อจะมีบทบาทมากเพราะเป็นคนกำหนดว่า จะให้ความคิดเห็นของใครผ่านสื่อตัวเองไปสู่สายตาประชาชน ฉะนั้นเจ้าของสื่อจึงมีอิทธิพล
 
        แต่พอเป็นยุคปัจจุบันนี้ ช่องทางมีมากมาย อินเตอร์เน็ตก็มี เว็บไซต์อะไรก็มีมากมาย บางเว็บเจ้าของเว็บเขียนอะไรไปนิดหน่อยแต่มีคนเข้าไปดูเป็นล้านคนก็มี มากกว่าหนังสือพิมพ์อีก เราจึงเห็นว่าเจ้าของสื่อมีอิทธิพลเริ่มลดลง เพราะคนแต่ละคนสามารถเป็นเจ้าของช่องทางสื่อสารสู่ประชาชนด้วยตัวเองได้ โดยใช้ทุนไม่มาก ง่ายๆ แค่ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คก็สามารถสร้างวงสื่อสารของตัวเองได้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่สิ่งที่เรานำเสนอว่ามันน่าสนใจแค่ไหน
 

มีวิธีแนะนำการนำเสนอของสื่อต่างๆ ให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องเหมาะสมได้อย่างไรบ้าง?

 
        เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เลย ระหว่างสื่อกับประชาชนหรือสังคม สื่อหลักเช่น วิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ อย่างไรเสียก็ยังมีความสำคัญอยู่ แม้ว่าจะมีสื่อทางเลือกอื่นเกิดขึ้นมาอีกมากมายก็ตาม เพราะยังสามารถเข้าถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดอยู่ ถ้าสื่อหลักนำเสนอเรื่องราวใดไปในทิศทางร่วมกัน ก็มีโอกาสจะชักจูงประชาชนให้คล้อยตามได้สูง
 
        เราจึงเรียกร้องหาสื่อที่เป็นกลาง นำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงให้กับประชาชน นี่คือสิ่งที่ทุกสังคมต้องการ แต่ขณะเดียวกันเราก็พบว่าสื่อก็คือการลงทุนแบบหนึ่ง เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง จะทำข่าวอย่างไรให้ขายดี ก็ต้องเอาใจตลาด เอาใจเจ้าของทุน เจ้าของสื่อ ผู้สนับสนุนสื่อนั้นๆ บางทีก็ต้องเอื้อเฟื้อกัน บางครั้งก็มีผลประโยชน์ทางอ้อมชี้นำมาจนทำให้สื่อเกรงกลัวก็มี สื่อก็ต้องให้ข่าวออกไปในทิศทางที่เอาใจผู้มีอำนาจ เพื่อตัวเองจะได้ไม่เดือดร้อน หรือบางครั้งก็มีอคติ เมื่อมีอคติสื่อก็จะเอียงไปเอียงมาและชักจูงให้สังคมเอียงตาม
 
สื่อจะต้องนำเสนอความจริงของข้อมูลอย่างมีสีสันและน่าสนใจ
สื่อจะต้องนำเสนอความจริงของข้อมูลอย่างมีสีสันและน่าสนใจ
 
        ในขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับคนในสังคมด้วย ถ้าคนในสังคมเป็นคนฉลาด รู้เท่าทันสื่อ สื่อก็หลอกไม่ได้ง่ายๆ ถ้าคนในสังคมฉลาดอย่างนี้ สื่อก็ไม่กล้าลงข่าวแบบมั่วๆ เพราะจะทำให้ตัวเองเสียเครดิต ฉะนั้นสื่อจะต้องเอาใจประชาชนโดยการเสนอความจริงเพราะประชาชนแสวงหาความจริง มันจะส่งผลสะท้อนซึ่งกันและกัน สื่อนำประชาชนด้วย ประชาชนนำสื่อด้วย ดังนั้นการแก้ไขจะต้องปรับทั้ง 2 ส่วนไปพร้อมๆ กัน
 
        สื่อจะต้องนำเสนอความจริงของข้อมูลอย่างมีสีสันและน่าสนใจ ผู้นำจะต้องมีความสามารถในการนำสังคม นำสิ่งดีๆ มาสู่สังคมอย่างมีสีสันและน่าสนใจ พอมีคนนำก็จะมีคนตาม สังคมก็จะเริ่มเปลี่ยน และควรจะมีสื่อที่เป็นสื่อสีขาวด้วย ซึ่งดูแล้วสบายใจ ได้สาระ ได้ประโยชน์ ไม่มีมลพิษทางใจ เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ดูแล้วฉลาด อย่างนี้จะเกิดประโยชน์มาก
 
        ถ้าสังเกตดูตอนนี้จะพบว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จะเห็นว่าพลังอำนาจของสื่อนั้นยังมีมากอยู่ แต่ไม่ถึงขนาดชี้เป็นชี้ตายเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองเขามีสิทธิเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ฉะนั้นสื่อจึงไม่ควรมองข้ามการเปลี่ยนแปลงของประชาชน ถ้ามัวแต่ทำอะไรตามใจตัวเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งหันกลับมามองดูจะพบว่า ตัวเองกับประชาชนแตกแยกกัน เมื่อนั้นสื่อจะไปไม่รอด
 
ในทางพระพุทธศาสนานั้น มีทิศทางในการนำเสนอธรรมะได้อย่างไรบ้าง?
 
        ให้ใช้สื่อทุกสื่อให้เป็นประโยชน์ เพราะสื่อเป็นของกลาง นำเสนอข่าวดีก็เป็นเรื่องดี นำเสนอเรื่องไม่ดีก็เป็นมลพิษ ฉะนั้นเราต้องเอาธรรมะของพระพุทธเจ้านำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ตามทักษะและความถนัดของแต่ละคน แต่ช่วยกันสร้างสื่อดีๆ ที่เป็นสื่อสีขาวออกมาเยอะๆ จะเป็นสิ่งที่มาช่วยถ่วงดุลให้สังคมเกิดความสมดุล ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
 
        ส่วนในด้านประชาชน ก็อยากให้ทุกคนสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาในใจ ไม่อยากฝากความหวังไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ให้เริ่มที่ตัวเราเองก่อน คือ เมื่อเรารับข้อมูลข่าวสารแล้วขอให้รับข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นนายของข้อมูลข่าวสาร อย่าเป็นทาสให้เขาจูงจมูกเราไป ถ้าเราตกเป็นทาสข้อมูลข่าวสารเมื่อไหร่ คนที่ให้ข้อมูลข่าวสารจะมองว่าเราเป็นคนโง่ เขาจูงไปทางไหนก็เชื่อเขาหมด เราต้องเป็นคนที่ฉลาด คือ รับข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นนายของข้อมูลข่าวสาร คือรับแล้วต้องรู้จักคิด คิดแล้ววิเคราะห์ เทียบข้อมูลเก่า ดูภาพรวมให้ออก บางครั้งเขาก็อาจชักจูงให้คิด คิดแล้วไม่วิเคราะห์จะถูกเขาจูงโดยไม่รู้ตัวอีก เราจะต้องรู้จักถอยห่างออกมา ไม่ไปยึดติดกับตัวบุคคลที่พูด แต่ดูภาพรวมให้เห็นภาพกว้างจริงๆ แล้วสามารถอ่านสถานการณ์ออกจริงๆ แล้วเราจะเป็นคนที่ฉลาด สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ ในท่ามกลางกระแสสื่อข้อมูลข่าวสารที่มากมายเมื่อข้อมูลมาถึงตัวเรา สามารถแยกแยะออกได้ว่าข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่ แม้คนพูดจะดูเป็นคนที่มีเครดิต เราก็เลือกได้ว่าตรงไหนน่าสนใจ ตรงไหนดูแล้วไม่ใช่ เป็นแค่ทัศนคติส่วนตัวเขา ก็สามารถแยกแยะออกได้
 
        คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลักให้เราคิดเองได้อย่างยอดเยี่ยม ใครที่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างสม่ำเสมอแล้วละก็ จะเป็นคนที่มองอะไรได้ทะลุกว่าคนอื่นเขา พระพุทธเจ้าสอนอะไรพระองค์ให้ภาพรวมตลอด เมื่อจะเจาะรายละเอียดที่ตรงไหนก็เจาะลงไปเลย เราจะเป็นคนที่มองภาพรวมออกและยากที่จะมีใครมาชักจูงให้หลงไปทางใดทางหนึ่ง ฉะนั้นถ้าอยากวิเคราะห์อะไรเป็นก็ให้เริ่มจากการศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เชยเลย จะเป็นคนที่ทันสมัยตลอดเวลา และให้ประโยชน์แก่เราอย่างมหาศาล
 
        ขอฝากไว้ว่า ขนาดสื่อในประเทศที่เขาว่าพัฒนาแล้วอย่างอเมริกานั้น ก็รู้สึกว่าเขาจะพัฒนากว่าบ้านเรานะ ดูมีสาระมีอะไรมากกว่า หรืออย่างในญี่ปุ่นก็ตาม นั่นคือโดยเปรียบเทียบ แต่พอลงดูรายละเอียดแล้วจะพบว่าแม้แต่สื่อในอเมริกานั้นบางครั้งก็เอียงเหมือนกัน เรียกว่าสามัคคีกันเอียงได้ทั้งประเทศเลย มีตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ คือ พวกเราคงจำได้ว่ามันเกิดข่าวใหญ่ขึ้น มีการร้องเรียนว่ารถยนต์โตโยต้าระบบเบรกไม่ดี ทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีคนเสียชีวิต เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเป็นปัญหาสังคมเลย รัฐสภาอเมริกาต้องเรียกประธานบริษัทโตโยต้าจากญี่ปุ่นไปชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎร ต้องมีการแถลงข่าวขอโทษกันใหญ่โต ตั้งการสอบสวนกันเป็นเรื่องเป็นราว บีบให้ทางบริษัทโตโยต้าต้องเรียกรถกลับคืนมาปรับปรุงเป็นล้านๆ คัน ภาพลักษณ์โตโยต้าต้องย่ำแย่ ยอดขายที่กำลังขึ้นอยู่นั้นตกฮวบเลย กระทรวงคมนาคมของอเมริกากับองค์การนาซ่าไปตรวจสอบกรณีที่ร้องเรียนทั้งหมด ปรากฏว่าปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่ตัวรถเลยแต่อยู่ที่ทักษะการใช้งาน ปัญหานี้ที่บริษัทโตโยต้าเจอมันเกิดกับรถยนต์ทุกยี่ห้อหมด
 
        ฉะนั้นโดยสรุปแล้วมันไม่ได้มีปัญหาที่ตัวรถเลย เพราะมันเป็นข้อสรุปของฝ่ายอเมริกาเอง โดยองค์การนาซ่า โดยกระทรวงคมนาคมของอเมริกา ซึ่งบรรลุเป้าหมายเขาแล้วเพราะสามารถทำลายภาพลักษณ์ของโตโยต้าได้สำเร็จแล้ว จะมาแถลงอะไรตอนนี้มันก็ฟื้นยอดขายได้นิดหน่อย นั่นคือการทุบดาวรุ่ง เพราะฉะนั้นให้รู้ว่าในโลกนี้จะหาสื่อที่นำเสนอแบบเป็นกลางจริงๆ เลยนั้น มันไม่ใช่ของง่ายเลย ถ้าเรารู้ไม่เท่าทัน วิธีการที่ดีคือ ต้องทำตัวเองให้ฉลาด ให้แข็งแกร่ง ถ้าเป็นได้อย่างนี้คนที่เขาอยากจะรังแกเราเขาจะไม่กล้า
 
        ฉะนั้นเราเองเสพสื่อก็ให้รู้ไว้ว่ามันมีแบบนี้อยู่ จึงมีความจำเป็นว่าเราต้องรับข้อมูลข่าวสารด้วยการรู้เท่าทัน อย่าให้ใครจูงไป สื่อว่าอะไรก็เชื่อหมด เราก็จะถูกเขาจูงจมูกไปแล้ว และเขาจะมองว่าเราโง่ แต่ถ้าเรารู้เท่าทัน ไม่ว่าเขาจะนำเสนออะไรมา เราจะเชื่อหรือไม่อยู่ที่เราพิจารณา มองอะไรมองอย่างกว้างไกล สามารถเลือกเชื่อเลือกรับข้อมูลที่เห็นว่าถูกต้องใช้ได้ โดยมีฐานข้อมูลเดิมในใจประกอบในการวิเคราะห์ อย่างนี้เราจะเป็นคนที่ยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงในโลกที่สื่อสารมวลชน เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสารมีบทบาทมากขึ้นๆ ทุกที



 คำถามท้ายบทความ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น